มาดูกันว่าสิวหัวช้างมีอาการและรักษาอย่างไรบ้าง

          สวัสดีครับ สิวหัวช้างนั้นเป็นสิวชนิดที่รุนแรงซึ่งเกิดจากรูขุมขนในผิวหนังอุดตันสามารถนำไปสู่การติดเชื้อและการอักเสบได้

          โดยส่วนใหญ่แล้วสิวหัวช้างมักจะเกิดขึ้นบนใบหน้า แต่บางครั้งก็อาจจะส่งผลต่อลำตัวช่วงบนรวมไปถึงต้นแขนด้วย

          สิวส่วนใหญ่มักเกิดขึ้นในวัยรุ่นหรือวัยหนุ่มสาว คนที่มีอายุระหว่าง 11-30 ปี ประมาณร้อยละ 80 นั้นประสบปัญหากับการมีสิวขึ้น

          สิวหัวช้างนั้นเป็นสิวชนิดรุนแรงที่ส่งผลกระทบต่อกลุ่มคนจำนวนน้อย ในปี ค.ศ. 2009 Centers for Disease Control and Prevention (CDC) ได้พบว่าสิวเป็นสาเหตุอันดับต้น ๆ ที่ทำให้เราไปพบแพทย์ผิวหนัง

          ในบทความนี้เราจะมาดูวิธีการรักษาสิวหัวช้าง รวมไปถึงมาดูกันว่าสาเหตุในการเกิดสิวหัวช้างคืออะไร

การรักษา

          การรักษาสิวหน้าช้างนั้นต้องได้รับความช่วยเหลือจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญและการรักษาดูแลตนเองบางอย่าง การรักษาด้วยยาสามารถป้องกันรอยแผลเป็นที่เกิดจากสิวหัวช้างได้อย่างมีประสิทธิภาพ

          สิวที่ไม่รุนแรงสามารถรักษาได้โดยแพทย์ อย่างไรก็ตามสิวที่มีความรุนแรงที่มีลักษณะเป็นก้อนนั้นอาจจะต้องได้รับการรักษาโดยผู้เชี่ยวชาญ เนื่องจากหากรักษาไม่ดีอาจจะเกิดรอยแผลไปจนถึงทิ้งรอยแผลเป็นไว้ได้

เบนโซอิลเพอร์ออกไซด์

          เบนโซอิลเพอร์ออกไซด์นั้นเป็นวิธีการรักษาสำหรับสิวทุกระดับความรุนแรง นอกจากนี้ยังเป็นอีกหนึ่งทางเลือกของผู้ที่เป็นสิวที่มีความรุนแรงในระหว่างรอการรักษาจากผู้เชี่ยวชาญ

          เบนโซอิลเพอร์ออกไซด์มีขายในร้านขายยาและหาซื้อได้ทางออนไลน์ ซึ่งมีสูตรที่สามารถใช้ได้กับผิวหนังหลาย ๆ สูตร โดยเบนโซอิลเพอร์ออกไซด์ถูกนำมาใช้รักษาสิวเป็นระยะเวลากว่า 50 ปี โดยการฆ่าเชื้อแบคทีเรียที่ทำให้เกิดสิวขึ้น

          นอกจากนี้ยังช่วยสลายสิวอุดตันรวมไปถึงสิวหัวขาวและสิวหัวดำได้

          เบนโซอิลเพอร์ออกไซด์มีทั้งสูตรน้ำและแอลกอฮอล์ซึ่งการเลือกใช้นั้นขึ้นอยู่กับสภาพผิวของเรา โดยแบบที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์อาจจะทำให้ผิวแห้งซึ่งเหมาะสมสำหรับคนผิวมัน

          เราสามารถใช้ผลิตภัณฑ์เบนโซอิลเพอร์ออกไซด์ที่อยู่ในรูปแบบน้ำยาล้างเครื่องสำอาง โลชัน ครีม และเจลได้วันละหนึ่งถึงสองครั้ง โดยผลข้างเคียงที่พบเจอได้บ่อยที่สุดก็คือการระคายเคืองผิวหนัง ส่วนอาการแพ้มักจะไม่ปรากฏให้เห็น

การรักษาด้วยยาไอโซเตรติโนอิน

          ไอโซเตรติโนอินเป็นยาตามใบสั่งแพทย์สำหรับการรักษาสิวที่มีลักษณะเป็นก้อน โดยไอโซเตรติโนอินนั้นถือว่าเป็นวิธีการรักษาที่มีประสิทธิภาพสูง แต่ก็มีผลค้างเคียงและเป็นอัตรายต่อทารกในครรภ์ โดยส่วนใหญ่มักจะใช้ไอโซเตรติโนอินในปริมาณ 1 มิลลิกรัม ต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม เป็นระยะเวลา 16-20 สัปดาห์ติดต่อกัน

          สำหรับคนที่มีสิวในระดับปานกลางนั้นไม่แนะนำให้ใช้ไอโซเตรติโนอินจนกว่าจะได้ลองทานยาปฏิชีวนะแล้วพบว่าไม่ได้ผล อย่างไรก็ตามสำหรับการรักษาสิวที่มีระดับรุนแรงแนะนำให้ใช้ไอโซเตรติโนอินในการรักษาได้

          ผลข้างเคียงในการใช้ไอโซเตรติโนอินที่อาจจะเกิดขึ้น ได้แก่

  • ตาและช่องคลอดแห้ง
  • ริมฝีปากแห้งแตก
  • ปวดข้อ
  • ภาวะซึมเศร้า
  • ตับได้รับความเสียหาย
  • ระดับไขมันสูงขึ้น

          ไอโซเตรติโนอินเป็นยาที่ทำให้ทารกพิการได้ นั่นหมายความว่าการรับประทานในระหว่างการตั้งครรภ์ไม่ว่าในปริมาณเท่าไร แม้กระทั่งช่วงเวลาสั้น ๆ ก็อาจจะนำไปสู่ความผิดปกติแต่กำเนิดได้

          ไอโซเตรติโนอินอาจจะนำไปสู่การแท้งหรือการคลอดก่อนกำหนดรวมไปถึงอาจจะทำให้ทารกเสียชีวิตได้

          ผู้หญิงที่สามารถตั้งครรภ์ได้อาจจำเป็นที่จะคุมกำเนิดก่อนเป็นเวลา 1 เดือน และอย่างน้อย 1 เดือนหลังจากรักษาด้วยไอโซเตรติโนอิน

          ก่อนเริ่มใช้ไอโซเตรติโนอินจำเป็นต้องมีการตรวจสอบการตั้งครรภ์และทุก ๆ เดือนจนถึงเดือนที่หยุดยา

          เงื่อนไขการสั่งยานั้นต้องมีผลตรวจการตั้งครรภ์เป็นลบสองครั้ง

การฉีดยาสเตียรอยด์

          การฉีดคอร์ติโคสเตียรอยด์ที่เรียกว่าไตรแอมซิโนโลนลงในซีสต์โดยตรงสามารถช่วยลดการอักเสบและป้องกันการเกิดแผลเป็นได้ซึ่งต้องดำเนินการโดยแพทย์ผิวหนัง ในระยะสั้นอาจจะมีผลข้างเคียงหลังการฉีด

          แพทย์ผิวหนังอาจจะกรีดเพื่อนำน้ำของซีสต์ออก แต่การทำแบบนี้อาจจะทำให้ปัญหาผิวหนังแย่ลง และอาจจะทำให้เกิดแผลเป็นรวมไปถึงการติดเชื้อมากกว่าเดิมได้

ยาคุมกำเนิด

          การรักษาสิวในระยะยาวสำหรับผู้หญิงนั้นอาจจะต้องรักษาควบคู่กับการใช้ยาคุมกำเนิดเพื่อยับยั้งการผลิตไขมัน อาจจะรับประทานยาที่มีเอสโตรเจนและโปรเจสเตอโรนเป็นเวลา 6 เดือนขึ้นไป

อาการ

          อาการของสิวที่เกิดขึ้นนั้นเราต่างคุ้นเคยกันดี สิวหัวช้างนั้นสามารถมองเห็นจากภายนอกได้อย่างชัดเจนเพราะเป็นสิวที่มีอาการรุนแรงที่สุดที่เป็นก้อนเนื้อขนาดใหญ่รวมไปถึงกับการมีเลือดคั่งและตุ่มหนองอยู่ในนั้น สิวประเภทนี้ยังอาจจะทำให้เกิดรอยแผลเป็นได้

          สิวทุกประเภทนั้นส่งผลต่อความมั่นใจในตัวเองและอารมณ์ได้ แต่สำหรับสิวเรื้อรังนั้นมีความเสี่ยงที่จะเกิดสภาวะปัญหาสุขภาพจิตได้ เนื่องจากโดยปกติแล้วสิวเหล่านี้ที่ปรากฏขึ้นบนใบหน้านั้นส่งผลกระทบในด้านสังคมต่อคนวัยหนุ่มสาวได้มากกว่า

          คนส่วนใหญ่ที่เป็นสิวมักจะไม่พบอาการทางร่างกาย แต่การปรากฏของสิวบนร่างกายนั้นอาจจะทำให้เกิดภาวะทางอารมณ์ได้ อย่างไรก็ตามสำหรับสิวหัวช้างนั้นอาจจะทำให้ภาวะทางอารมณ์รุนแรงมากขึ้น และสิวหัวช้างนั้นยังนำไปสู่ความเจ็บปวดในบริเวณที่เกิดสิวได้

          ความสำคัญของการรักษาคือการรู้ถึงความเสี่ยงของการเกิดแผลเป็นจากสิวเรื้อรังนั้นสามารถสร้างความเสียหายในระยะยาวและถาวรในรูปแบบของ

  • หลุมขนาดเล็ก
  • หลุมขนาดใหญ่
  • ผิวหนังหย่อนยาน
  • รอยแผลเป็น

สาเหตุ

          ในรูขุมขนของผิวหนังนั้นมีต่อมไขมันที่ผลิตไขมันเรียกว่าซีบัมอยู่

          การหลั่งไขมันตามปกตินั้นสามารถช่วยป้องกันรูขุมขนและผิวหนังได้ แต่การผลิตซีบัมมากเกินไปรวมไปถึงการเติบโตของผิวหนังที่มากเกินไปอาจจะทำให้รูขุมขนอุดตันได้ซึ่งทำให้เชื้อที่ทำให้เกิดสิวนั้นมีจำนวนเพิ่มมากขึ้น

          ซีสต์เป็นสิวประเภทที่อักเสบมากที่สุด

          ปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อการเกิดสิวมากที่สุดคือการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนในวัยรุ่น ในช่วงวัยแรกรุ่นนั้นระดับฮอร์โมนแอนโดรเจนจะเพิ่มขึ้นอย่างมาก ทำให้การผลิตซีบัมเพิ่มมากขึ้น เซลล์ผิวก็จะเร่งการเจริญเติบโตด้วยเช่นกัน

          สิวนั้นไม่ได้มีเฉพาะในวัยรุ่น แต่ยังมีปัจจัยอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง ได้แก่

  • การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนที่เกี่ยวข้องกับรอบเดือน การตั้งครรภ์ การคุมกำเนิด การใช้ฮอร์โมนบำบัด และความเครียด
  • การใช้เครื่องสำอางที่มีความมัน คลีนเซอร์ โลชัน เสื้อผ้า
  • ความชื้นและเหงื่อออกเยอะ
  • พันธุกรรม
  • ยาและสารเคมีบางชนิด เช่น คอร์ติโคสเตียรอยด์ ลิเธียม ฟีนิโทอิน และไอโซเนียซิด ซึ่งอาจทำให้อาการแย่ลงหรือทำให้เกิดผื่นที่คล้ายกับสิว

          มีสาเหตุที่เกี่ยวข้องกับการเกิดสิวที่เรายังไม่รู้อีกมากมาย

          สิวรวมไปถึงสิวหัวช้างนั้น ไม่ได้เกิดจาก

  • ช็อกโกแลต ถั่ว หรืออาหารมัน ๆ
  • อาหารโดยส่วนใหญ่
  • สุขอนามัยที่ไม่ดีหรือการล้างหน้าที่ไม่เพียงพอ
  • การช่วยตัวเองหรือการมีเพศสัมพันธ์

การดูแลตัวเองที่บ้าน

          การปฏิบัติตามกฎเพื่อหลีกเลี่ยงการทำให้สิวมีอาการแย่ลงอาจจะมีประโยชน์สำหรับทุกคนที่เป็นสิว รวมไปถึงผู้ที่เป็นสิวเรื้อรัง ได้แก่

  • อย่าล้างบ่อยเกินไป ล้างหน้าเพียงวันละสองครั้ง ใช้สบู่อ่อน ๆ หรือคลีนเซอร์รวมไปถึงใช้น้ำอุ่นในการล้างหน้า
  • ห้ามขัดผิวแรงขณะอาบน้ำ หลีกเลี่ยงสบู่ที่มีฤทธิ์กัดกร่อน คลีนซิ่งแบบโฟมเม็ดบีต ยาสมานแผล หรือสารเร่งการผลัดเซลล์ผิว
  • ห้ามสัมผัสกับสิว การบีบสิวอาจจะทำให้สิวแย่ลงได้
  • หลีกเลี่ยงการแต่งหน้าจัด หากต้องการแต่งหน้าควรเลือกแบบวอเตอร์เบสที่ไม่ก่อให้เกิดสิว หลีกเลี่ยงสูตรที่มีความมัน และอย่าลืมล้างเครื่องสำอางก่อนนอน

การป้องกัน

          หากสิวมีอาการรุนแรงขึ้น หรือต้องการลดความเสี่ยงของการเกิดสิว ขั้นตอนต่อไปนี้สามารถช่วยได้

  • ทำความสะอาดผิวอย่างอ่อนโยนในตอนเช้า ก่อนนอน และหลังออกกำลังกาย
  • พยายามหลีกเลี่ยงการเอามือสัมผัสกับใบหน้า
  • หลีกเลี่ยงการโดนแสงแดดมากเกินไป เนื่องจากอาจจะส่งผลเสียต่อสุขภาพของผิวได้
  • สระผมเป็นประจำ สำหรับผู้ที่มีผมมันอาจจะต้องสระผมทุกวัน

          มีปัจจัยหลายปัจจัยที่เป็นต้นเหตุสำหรับการเกิดสิว เช่น พันธุกรรม แต่เคล็ดลับเหล่านี้

เขียนโดย Akiraz

KAIO

อ้างอิงจาก Markus MacGill (2017) Everything you need to know about cystic acne, Available at: https://www.medicalnewstoday.com/articles/103258 (Accessed: 9th December 2021).

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *