มาดูกันว่าสุขภาพจิตคืออะไร? ปัจจัยเสี่ยงต่อภาวะสุขภาพจิต สัญญาณเริ่มต้น การรักษามีอะไรบ้าง?
สวัสดีครับ สุขภาพจิตนั้นส่งผลต่อการใช้ชีวิตประจำวันของเรารวมไปถึงความสัมพันธ์และสุขภาพของร่างกาย อย่างไรก็ตามนอกจากการส่งผลของสุขภาพจิต ยังมีปัจจัยในการใช้ชีวิตของผู้คน ความสัมพันธ์ระหว่างบุคคล และปัจจัยทางกายภาพที่ส่งผลต่อสุขภาพจิตได้
การดูแลสุขภาพจิตสามารถช่วยให้เราใช้ชีวิตอย่างปกติได้ซึ่งเกี่ยวข้องกับการสร้างสมดุลระหว่างกิจวัตรประจำวัน ความรับผิดชอบ และความพยายามในการบรรลุความยืดหยุ่นได้ทางด้านจิตใจ
สภาวะต่าง ๆ เช่น ความเครียด ภาวะซึมเศร้า และความกังวลล้วนส่งผลต่อสุขภาพจิตและขัดขวางกิจวัตรประจำวันของเรา
ถึงแม้ว่าคำว่าสุขภาพจิตจะมีการใช้การอย่างแพร่หลาย แต่เงื่อนไขต่าง ๆ ที่แพทย์ยอมรับว่าเป็นความผิดปกติทางจิตนั้นก็มีรากฐานมาจากกายภาพ
โดยในบทความนี้ เราจะมาดูความหมายของคำว่าสุขภาพจิต และประเภทของความผิดปกติทางจิตที่เราสามารถพบเห็นได้บ่อยที่สุด รวมไปถึงสัญญาณเริ่มต้นและวิธีการรักษา
สุขภาพจิตคืออะไร
ตามที่ World Health Organization (WHO) ได้กล่าวไว้ “สุขภาพจิต คือ สภาพสุขภาวะที่บุคคลรับรู้ศักยภาพของตน สามารถรับมือกับความเครียดในชีวิต สามารถทำงานให้เกิดประโยชน์ และสร้างสรรค์ และสามารถทำประโยชน์ให้แก่สังคมของตนได้”
WHO เน้นย้ำว่า “สุขภาพจิตดีมีความหมายมากไปกว่าการปราศจากความเจ็บป่วยทางจิตเวชเท่านั้น” การมีสุขภาพจิตที่ดีนั้นไม่เพียงเกี่ยวกับการหลีกเลี่ยงสภาวะที่กระฉับกระเฉงเท่านั้น แต่ยังต้องดูแลสุขภาพของตนเองและความสุขอย่างต่อเนื่อง
WHO ยังได้เน้นอีกว่าการรักษาและการฟื้นฟูสุขภาพจิตเป็นสิ่งที่สำคัญในแต่ละบุคคล เช่นเดียวกับในชุมชนและสังคมต่าง ๆ ในทั่วโลก
ในสหรัฐอเมริกา National Alliance on Mental Illness ได้ประมาณการว่าในแต่ละปีผู้ใหญ่เกือบ 1 ใน 5 คนประสบกับปัญหาสุขภาพจิต
ตามรายงานของ National Institute of Mental Health (NIMH) ในปี ค.ศ. 2017 ผู้ใหญ่ประมาณ 11.2 ล้านคนในสหรัฐอเมริกาหรือประมาณ 4.5% ของผู้ใหญ่มีอาการทางจิตอย่างรุนแรง
ในประเทศไทยเอง กรมสุขภาพจิตเคยออกมาระบุถึงสถิติฆ่าตัวตายในปี ค.ศ. 2018 สำเร็จ 4,137 คน เฉลี่ยวันละ 11.3 คนต่อวัน ในช่วงอายุ 25-59 ปี ที่เกิดปัญหาภาวะโรคจิต 7.45% โรคซึมเศร้า 6.54% ในปี 2562 มีตัวเลข 14.4 คน ต่อคนไทย 1 แสนคน อยู่ในวัยเฉลี่ย 45 ปี ในจำนวนนี้มีผู้ป่วยโรคซึมเศร้า 7.8%
ปัจจัยเสี่ยงต่อภาวะสุขภาพจิต
ทุก ๆ คนมีความเสี่ยงที่จะเป็นโรคทางจิตได้ ไม่ว่าจะเป็นอายุ เพศ รายได้ หรือเชื้อชาติใดก็ตาม
ในสหรัฐอเมริกาและประเทศที่พัฒนาแล้วส่วนใหญ่ ความผิดปกติทางจิตเป็นสาเหตุสำคัญสาเหตุหนึ่งของทุพพลภาพ
สถานการณ์ทางสังคมและการเงิน ปัจจัยทางชีวภาพ และการเลือกรูปแบบการใช้ชีวิต ล้วนส่งผลต่อสุขภาพจิตของบุคคล
ผู้ป่วยโรคจิตเวชส่วนใหญ่มักมีอาการมากกว่าหนึ่งอย่างเกิดขึ้นพร้อมกัน
สิ่งสำคัญที่ต้องสังเกตก็คือสุขภาพจิตที่ดีนั้นขึ้นอยู่กับความสมดุลของปัจจัยและองค์ประกอบหลาย ๆ อย่างของชีวิตและโลกโดยรวมซึ่งสามารถทำงานร่วมกันแล้วนำไปสู่ความผิดปกติต่าง ๆ ได้
ปัจจัยดังต่อไปนี้อาจส่งผลต่อความผิดปกติของสุขภาพจิต
แรงกดดันทางสังคมและเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง
การมีเงินที่จำกัดหรืออยู่ในกลุ่มชาติพันธุ์ชายขอบหรือกลุ่มที่ถูกข่มเหงทางชาติพันธุ์นั้นมีโอกาสในการเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดขึ้นของปัญหาสุขภาพจิตได้
ในการศึกษาในปี ค.ศ. 2015 903 ครอบครัวในอิหร่านได้ระบุสาเหตุในการเกิดของภาวะสุขภาพจิตหลายประการ ซึ่งก็คือเกิดจากปัญหาทางเศรษฐกิจและสังคม รวมไปถึงความยากจนและการใช้ชีวิตในเขตชานเมืองของเมืองใหญ่
นักวิจัยยังได้อธิบายถึงความแตกต่างในความพร้อมและคุณภาพของการรักษาสุขภาพจิต โดยแบ่งออกเป็นสองปัจจัยได้แก่ ปัจจัยที่สามารถแก้ไขได้ซึ่งสามารถแก้ไขได้ตลอดเวลา และปัจจัยที่ไม่สามารถแก้ไขได้ซึ่งเป็นปัจจัยที่ไม่สามารถแก้ไขได้ถาวร
ปัจจัยที่สามารถแก้ไขความผิดปกติทางจิตได้ รวมไปถึง
- สภาพเศรษฐกิจและสังคม เช่น มีงานในพื้นที่ที่อยู่ให้ทำหรือไม่
- อาชีพ
- ระดับความสัมพันธ์ทางสังคม
- การศึกษา
- คุณภาพของที่อยู่อาศัย
ปัจจัยที่ไม่แก้ไขความผิดปกติทางจิตได้ ได้แก่
- เพศ
- อายุ
- เชื้อชาติ
จากการศึกษาระบุว่าปัจจัยที่เป็นทั้งปัจจัยที่แก้ไขได้และไม่สามารถแก้ไขได้คือเพศ นักวิจัยพบว่าการเป็นผู้หญิงเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดภาวะสุขภาพจิตต่ำถึง 3.96 เท่า
ในการศึกษนี้การเกิดสภาวะสุขภาพจิตนั้น ผู้ที่มีสถานะทางเศรษฐกิจต่ำนั้นได้รับคะแนนสูงสุด
ปัจจัยทางชีวภาพ
NIMH ได้แนะนำว่าผู้มีประวัติโรคทางพันธุกรรมในครอบครัวมีโอกาสมรอกาอาการที่เกี่ยวข้องกับภาวะสุขภาพจิตมากขึ้น เนื่องจากยีนบางชนิดทำให้มีความเสี่ยงในการเป็นสูงขึ้น อย่างไรก็ตาม ยังมีปัจจัยอื่น ๆ อีกมากมายที่มีส่วนในการทำให้เกิดอาการเหล่านี้ได้
ผู้ที่มีประวัติโรคทางพันธุกรรมในครอบครัวไม่ได้เป็นตัวรับประกันว่าจะไม่เกิดอาการเหล่านี้ เช่น ภาวะซึมเศร้าหรือโรคจิตเภท ในทำนองเดียวกันผู้ที่ไม่มีประวัติโรคทางพันธุกรรมในครอบครัวที่เป็นโรคจิตเภทก็ยังสามารถมีปัญหาทางด้านสุขภาพจิตได้
ภาวะสุขภาพจิต เช่น ความเครียด ภาวะซึมเศร้า และความวิตกกังวล สามารถเกิดขึ้นจากปัญหาสุขภาพกายได้ เช่น มะเร็ง เบาหวาน และอาการปวดเรื้อรัง
โรคทางจิตเวชที่พบบ่อย
โรคทางจิตที่พบบ่อยที่สุดมีดังนี้
- โรควิตกกังวล
- โรคทางอารมณ์
- โรคจิตเภท
Designed by Freepik
โรควิตกกังวล
ตามรายงานของ Anxiety and Depression Association of America โรควิตกกังวลเป็นอาการผิดปกติทางจิตที่พบได้บ่อยที่สุด
คนที่มีเป็นโรคเหล่านี้จะมีความกลัวหรือวิตกกังวลอย่างรุนแรง ซึ่งเกี่ยวข้องกับวัตถุสิ่งของหรือสถานการณ์บางอย่าง ซึ่งคนส่วนใหญ่ที่เป็นโรควิตกกังวลจะพยายามหลีกเลี่ยงการสัมผัสกับสิ่งที่ทำให้วิตกกังวล
ตัวอย่างของโรควิตกกังวล ได้แก่
โรควิตกกังวลทั่วไป (GAD)
American Psychiatric Association กำหนดให้โรควิตกกังวลทั่วไปเป็นอาการทางจิตที่มีความกังวลมากกว่าปกติซึ่งขัดขวางการใช้ชีวิตประจำวัน
ผู้ที่เป็นโรคนี้จะมีอาการทางร่างกายรวมไปถึง
- กระสับกระส่าย
- ความเหนื่อยล้า
- กล้ามเนื้อตึง
- หลับแล้วตื่นบ่อย ๆ
อาการที่เกี่ยวข้องกับการวิตกกังวลเหล่านี้ไม่จำเป็นต้องมีในผู้ป่วยเป็นโรควิตกกังวลทั่วไป
ผู้ที่เป็นโรคนี้อาจจะรู้สึกวิตกกังวลมากเกินไปเมื่อต้องเผชิญหน้ากับสถานการณ์ในชีวิตประจำวัน เช่น การทำงานบ้านหรือการนัดหมาย ในบางครั้งคนที่เป็นโรควิตกกังวลทั่วไปอาจรู้สึกกังวลโดยที่ไม่มีสิ่งมากระตุ้น
โรคตื่นตระหนก
ผู้ที่เป็นโรคตื่นตระหนกมักมีอาการตื่นตระหนกเป็นประจำซึ่งเกี่ยวข้องกับความหวาดกลัวอย่างรุนแรงและฉับพลัน หรือความรู้สึกอันตรายที่กำลังใกล้เข้ามา
โรคกลัว
โรคกลัวนั้นมีหลายประเภท ได้แก่
โรคกลัวอย่างรุนแรง โรคเหล่านี้มีอาการที่อาจจะเกี่ยวข้องกับการกลัวที่มากกว่าปกติต่อสิ่งของ สถานการณ์ หรือสัตว์บางชนิดอย่างเจาะจง
โรคกลัวกิจกรรมทางสังคม บางครั้งก็เรียกว่าโรคกลัวการเข้าสังคม ซึ่งคนที่เป็นโรคเหล่านี้จะกลัวการถูกตัดสินจากคนอื่น ซึ่งมักจำกัดตัวเองการสัมผัสกับสภาพแวดล้อมทางสังคม
โรคกลัวที่ชุมชน หมายถึงการกลัวต่อสถานการณ์ที่หลบหนีได้ยาก เช่น การอยู่ในลิฟต์หรือรถไฟที่กำลังเคลื่อนที่ หลายคนอาจจะเข้าใจผิดว่าโรคนี้เป็นเพราะกลัวการอยู่ข้างนอก
โรคกลัวเป็นเรื่องเฉพาะตัวและแพทย์ก็ไม่ได้รู้จักโรคเหล่านี้ทุกประเภท โรคกลัวอาจจะมีเป็นพัน ๆ โรค และสำหรับคนคนหนึ่งบางอย่างอาจจะดูแล้วเป็นเรื่องปกติ แต่สำหรับบางคนอาจจะเป็นเรื่องคอขาดบาดตายก็ได้
โรคย้ำคิดย้ำทำ (OCD)
ผู้ที่เป็นโรคย้ำคิดย้ำทำมักจะมีอาการย้ำคิดย้ำทำ กล่าวอีกนัยหนึ่งผู้ที่เป็นโรคนี้มักจะถูกกระตุ้นให้ต้องการทำสิ่งใดสิ่งหนึ่งซ้ำ ๆ มากเกินความจำเป็น เช่น การล้างมือซ้ำ ๆ
อาการผิดปกติทางจิตใจหลังจากประสบสถานการณ์รุนแรง (PTSD)
อาการผิดปกติทางจิตใจหลังจากประสบสถานการณ์รุนแรงนั้นสามารถเกิดขึ้นได้หลังจากที่ผู้ป่วยประสบหรือเห็นเหตุการณ์ที่ทำให้เกิดความเครียดหรือกระทบกระเทือนจิตใจอย่างรุนแรง
ในช่วงเหตุการณ์เหล่านี้ พวกเขาจะคิดว่าชีวิตของตัวเองหรือชีวิตของผู้อื่นกำลังตกอยู่ในอันตราย ซึ่งอาจจะทำให้พวกเขารู้สึกกลัวหรือรู้สึกว่าไม่สามารถควบคุมสิ่งต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นเหตุการณ์นี้ได้
Designed by Freepik
โรคทางอารมณ์
โรคทางอารมณ์อาจจะหมายถึงความผิดปกติทางอารมณ์หรือโรคซึมเศร้า โดยคนเหล่านี้อาการที่เกิดขึ้นคืออาจจะมีอารมณ์แปรปรวน โดยทั่วไปแล้วจะเกี่ยวข้องกับอาการฟุ้งพล่านหรือภาวะซึมเศร้า ตัวอย่างของโรคทางอารมณ์ได้แก่
โรคซึมเศร้า คนที่เป็นโรคซึมเศร้าจะมีภาวะซึมเศร้าอย่างรุนแรงจะมีอารมณ์หดหู่อย่างต่อเนื่อง รวมไปถึงหมดความสนใจในการทำกิจกรรมหรือเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่เคยชอบทำมาก่อน
โรคอารมณ์สองขั้ว ผู้ที่เป็นโรคอารมณ์สองขั้วหรือโรคไบโพลาร์จะมีความผิดปกติทางอารมณ์ โดยมีการเปลี่ยนแปลงของอารมณ์ที่ไม่ปกติซึ่งเปลี่ยนสลับกันระหว่างอารมณ์ฟุ้งพล่านและซึมเศร้า
โรคซึมเศร้าที่เกิดจากผลกระทบของฤดูกาล (SAD) ผู้ที่เป็นโรคนี้จะรู้สึกเศร้าในบางฤดูกาลโดยส่วนใหญ่แล้วจะเกิดขึ้นในช่วงฤดูที่มีแสงน้อย เช่น ฤดูใบไม้ร่วง ฤดูหนาว และต้นฤดูใบไม้ผลิ ซึ่งพบได้บ่อยในประเทศที่อยู่ห่างไกลจากเส้นศูนย์สูตร
Designed by Freepik
โรคจิตเภท
หน่วยงานด้านสุขภาพจิตพยายามตรวจสอบว่าโรคจิตเภทนั้นเป็นโรคทางพันธุกรรมหรือไม่ สัญญาณที่บ่งบอกของการเกิดโรคจิตเภทนั้นมักเกิดขึ้นในอายุระหว่าง 16 ถึง 30 ปี ตามรายงานของ NIMH ได้กล่าวว่าผู้ที่มีสัญญาณการเป็นโรคจิตเภทนั้นจะมีความคิดที่กระจัดกระจาย และประมวลผลข้อมูลยาก
โรคจิตเภทนั้นมีอาการทั้งด้านลบและด้านบวก โดยอาการด้านบวก ได้แก่ การหลงผิด ความผิดปกติทางความคิด และภาพหลอน อาการด้านลบ ได้แก่ การขาดแรงจูงใจ อารมณ์แปรปรวน การเก็บตัว
สัญญาณเริ่มต้นของการเป็นโรคเหล่านี้
ไม่มีการทดสอบสมรรถภาพทางกายและการสแกนที่สามารถระบุได้ว่าบุคคลนั้นมีอาการป่วยทางจิตที่น่าเชื่อถือได้ในตอนนี้ อย่างไรก็ตาม เราควรจะตรวจสอบอาการดังต่อไปนี้เนื่องจากอาจจะเป็นสัญญาณที่แสดงให้เห็นถึงความผิดปกติทางสุขภาพจิตได้
- ออกห่างจากเพื่อน ครอบครัว และเพื่อนร่วมงาน
- หลีกเลี่ยงกิจกรรมที่ชอบทำในตอนปกติ
- นอนมากหรือน้อยเกินไป
- รับประทานอาหารมากหรือน้อยเกินไป
- รู้สึกสิ้นหวัง
- รู้สึกเฉื่อยชาอย่างต่อเนื่อง
- ใช้สารที่ทำให้อารมณ์เปลี่ยนแปลงรวมไปถึงแอลกอฮอล์และนิโคตินบ่อยขึ้น
- แสดงอารมณ์ในเชิงลบ
- รู้สึกสับสน
- ทำงานกิจวัตรประจำวันไม่ได้ เช่น การทำงานหรือทำอาหาร
- มีความคิดหรือความทรงจำที่ปรากฏขึ้นซ้ำ ๆ เป็นประจำ
- คิดที่จะทำร้ายร่างกายตนเองหรือผู้อื่น
- หูแว่ว
- อาการหลงผิด
การรักษา
การรักษาปัญหาทางสุขภาพจิตนั้นมีหลายวิธี และการรักษานั้นขึ้นอยู่กับแต่ละคน วิธีการรักษาที่ได้ผลกับบางคนอาจจะไม่ได้ผลกับอีกคน
วิธีการรักษาบางอย่างนั้นเมื่อใช้ร่วมกับวิธีการรักษาอื่น ๆ อาจจะมีโอกาสประสบความสำเร็จมากกว่า คนที่เป็นโรคจิตเภทเรื้อรังในแต่ละช่วงอายุอาจจะใช้วิธีการรักษาที่แตกต่างกัน ซึ่งแต่ละคนต้องให้ความร่วมมือกับแพทย์อย่างใกล้ชิดเพื่อที่แพทย์จะสามารถระบุวิธีการรักษาที่เหมาะสมให้ ซึ่งวิธีการรักษานั้นมีหลายแบบรวมไปถึง
จิตบำบัดหรือการบำบัดด้วยการพูดคุย
การรักษาแบบนี้จะใช้แนวทางจิตวิทยาในการรักษาโรคทางจิต เช่น จิตบำบัด การบำบัดความกลัวด้วยการเผชิญหน้ากับสิ่งที่กลัว และพฤติกรรมบำบัดวิภาษวิธี โดยการรักษาประเภทนี้คนที่รักษาจะเป็น จิตแพทย์ นักจิตวิทยา นักจิตอายุรเวท และแพทย์ปฐมภูมิบางคน
การรักษาโดยใช้จิตบำบัดสามารถช่วยให้คนเราเข้าใจถึงต้นตอของความเจ็บป่วยทางจิต และช่วยเปลี่ยนความให้เป็นไปในทางเชิงบวกซึ่งมีประโยชน์ต่อร่างกายมากขึ้น โดยส่วนใหญ่จะช่วยให้ผู้ที่เข้ารับการบำบัดสามารถใช้ชีวิตประจำวันได้ปกติและลดความเสี่ยงของการเก็บตัวและการทำร้านตัวเอง
ยา
บางคนอาจจะใช้ยาตามใบสั่งแพทย์ เช่น ยากล่อมประสาท ยาต้านอาการทางจิต ยาคลายกังวล แม้ว่ายาเหล่านี้จะไม่สามารถรักษาอาการทางจิตได้ แต่ยาบางชนิดก็ช่วยให้อาการทางจิตเหล่านี้ดีขึ้นและช่วยให้คนที่ได้รับยากลับมามีปฏิสัมพันธ์ทางสังคมและการทำกิจวัตรตามปกติได้ ในขณะที่พวกเขาฟื้นฟูสุขภาพจิตได้
ยาบางชนิดทำงานโดยการกระตุ้นให้ร่างกายรับสารที่ทำให้เรามีความสุขเพิ่มขึ้น เช่น เซโรโทนิน
ช่วยเหลือตนเอง
ผู้ที่มีปัญหาทางด้านสุขภาพจิตมักจะต้องเปลี่ยนไลฟ์สไตล์เพื่อให้มีสุขภาพจิตที่ดี โดยการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวอาจจะรวมไปถึงการลดการดื่มแอลกอฮอล์ การนอนหลับให้มากขึ้น และการรับประทานอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการและสมดุล หรืออาจจะต้องหาเวลาว่างจากการทำงานเพิ่มขึ้น หรือการแก้ไขปัญหาทางด้านความสัมพันธ์ส่วนตัวที่อาจจะทำให้เกิดความเสียหายต่อสุขภาพจิตได้
ผู้ที่มีสภาวะต่าง ๆ เช่น ความวิตกกังวลหรือภาวะซึมเศร้า เทคนิคที่ช่วยในด้านการผ่อนคลายอาจจะช่วยเหลือผู้ที่มีสภาวะเหล่านี้ได้ ซึ่งรวมไปถึงการหายใจลึก ๆ การทำสมาธิ และการมีสติ
การที่มีผู้คนที่คอยให้ความสนับสนุนนั้นมีความสำคัญต่อการฟื้นตัวจากอาการป่วยทางจิตเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นผ่านกลุ่มช่วยเหลือตนเองหรือเพื่อนสนิทและครอบครัว
เขียนโดย Akiraz
อ้างอิงจาก Adam Felman (2020) What is ?, Available at: https://www.medicalnewstoday.com/articles/154543 (Accessed: 12th November 2021).
อ้างอิงจาก กรมสุขภาพจิต (2019) ป่วยซึมเศร้าเหยื่อสังคม ถูกปรักปรําคดีฆ่าตัวตาย, Available at: https://www.dmh.go.th/news-dmh/view.asp?id=30118 (Accessed: 12th November 2021).