มาดูกันว่าสำหรับการมีสุขภาพที่ดีเราได้รับวิตามินดีเท่าไร?

วิตามินดี

          สวัสดีครับ อย่างที่เรารู้กันดีว่าวิตามินดีนั้นมีประโยชน์ต่อสุขภาพ แต่วิธีการบริโภคนั้นก็ไม่ได้มีความชัดเจน บางคนอาจจะได้รับวิตามินดีอย่างเพียงพอจากแสงแดดเพียงอย่างเดียว แต่บางคนอาจจะจำเป็นต้องเปลี่ยนวิถีชีวิตหรือรับประทานอาหารเสริม

          โดยในบทความนี้ เราจะมาดูกันเกี่ยวกับการได้รับวิตามินดีจากหลาย ๆ ช่องทาง เช่น จากแสงแดด อาหาร และอาหารเสริมว่ามีความแตกต่างกันอย่างไรบ้าง

วิตามินดีคืออะไร

          วิตามินดีเป็นสารอาหารที่มีส่วนสำคัญต่อสุขภาพ โดยในอาหารบางชนิดอาจจะมีวิตามินดีอยู่ในปริมาณน้อย แต่สามารถได้รับวิดีมินดีส่วนใหญ่ที่ร่างกายต้องการจากแสงแดดได้

          วิตามินดีมีประโยชน์หลายประการ ได้แก่

  • ช่วยให้ร่างกายดูดซึมแคลเซียมทำให้กระดูกแข็งแรง
  • ช่วยเหลือเส้นประสาทในการส่งข้อมูลไปกลับจากสมอง
  • ช่วยในด้านเกี่ยวกับการเคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อ
  • ช่วยสร้างภูมิคุ้มกันเพื่อต่อสู้กับการติดเชื้อและโรคต่าง ๆ

วิตามินดีนั้นมีความแตกต่างจากวิตามินอื่น ๆ โดยส่วนใหญ่ เพราะเมื่อร่างกายเริ่มทำงาน วิตามินดีจะกลายเป็นฮอร์โมนที่เรียกว่าแคลซิไทรออลซึ่งช่วยให้กระดูกในร่างกายดูดซึมแคลเซียม

Sunrise over jungle

Designed by Freepik

เราจะได้รับวิตามินดีเพียงพอจากแสงแดดอย่างเดียวไหม

          สำหรับบางคนการได้รับวิตามินดีจากแสงแดดอาจจะเพียงพอแล้ว แต่อย่างไรก็ตามนั้นขึ้นอยู่กับแต่ละคนว่าอาศัยอยู่ที่ไหน และในช่วงไหนของปี ในช่วงไหนของวัน รวมไปถึงสีผิวก็เช่นกัน

          คนที่อาศัยอยู่ใกล้เส้นศูนย์สูตรนั้นได้รับแสงแดดมากขึ้น โดยคนที่อยู่ในซีกโลกเหนืออาจจะไม่ได้รับวิตามินดีอย่างเพียงพอในช่วงฤดูหนาว

          โดยปกติแล้วแดดจะแรงที่สุดในช่วง 11 โมง ถึง บ่าย 3 โมง และในฤดูร้อนนั้นเราไม่จำเป็นต้องตากแดดนาน ๆ เพียงเพื่อได้รับวิตามินดี

          ปริมาณวิตามินดีที่ได้รับนั้นเกี่ยวข้องกับปริมาณของเมลนินในผิวหนังซึ่งแตกต่างกันไปตามแต่ละคน หากมีเมลานินน้อยก็อาจจะส่งผลให้ผิวขาวขึ้น ซึ่งทำให้ไม่สามารถป้องกันรังสีอัลตราไวโอเลต (UV) ได้เช่นกัน

          โดยคนที่มีเมลานินมากนั้นจะได้รับการป้องกันจากแสงแดดได้ดีกว่าคนที่มีเมลานินน้อยกว่า แต่ต้องใช้เวลาในการสร้างวิตามินดีนานกว่าเช่นกัน Centers for Disease Control and Prevention (CDC) ได้พบว่าชาวเม็กซิกัน-อเมริกันและคนผิวดำที่ไม่ได้มีเชื้อสายลาตินอเมริกามีแนวโน้มที่จะขาดวิตามินดี

          ปัจจัยที่หลากหลายเหล่านี้ทำให้การแนะนำเกี่ยวกับปริมาณการได้รับแสงแดดเพื่อสร้างวิตามินดีให้เพียงพอกับที่ร่างต้องการของแต่ละคนนั้นทำได้ยาก

          บางคนเนื่องจากปัจจัยทางด้านการชีวิตอาจจะทำให้ดูดซึมวิตามินดีจากแสงแดดได้ไม่เพียงพอ เช่น คนที่ทำงานในตอนกลางคืน อยู่บ้านในช่วงกลางวัน ปกปิดผิวหนังอยู่เสมอ หรือใช้ครีมกันแดดเข้มข้นทุก ๆ วัน

          ในหนึ่งครั้งร่างกายของเราสามารถสร้างวิตามินดีได้ในปริมาณหนึ่ง ทำให้การปกป้องผิวจากรังสี UV จึงเป็นสิ่งที่สำคัญ อันเป็นสาเหตุในการเกิดผิวไหม้ ริ้วรอยที่เกิดขึ้นตามอายุ และเพิ่มความเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งผิวหนัง

คำจำกัดความทางการแพทย์ของการขาดวิตามินดีคืออะไร

นักวิทยาศาสตร์ใช้หน่วยในการวัดระดับวิตามินดีในเลือดคือนาโนกรัมต่อมิลลิลิตร (ng/mL) และในปัจจุบันยังไม่ได้มีระดับที่กำหนดว่าร่างกายของเราขาดวิตามินดีอยู่เท่าไร

ผู้เชี่ยวชาญบางคนจัดประเภทของคนที่ขาดวิตามินดีไว้ว่ามีวิตามินดีในเลือดน้อยกว่า 12 ng/mL และยังได้ระบุเพิ่มอีกว่าหากมีระดับที่ต่ำกว่า 20 ng/mL อาจจะทำให้เกิดปัญหากับกระดูกและสุขภาพโดยรวม อย่างไรก็ตามหลาย ๆ คนก็เชื่อว่าตัวเลขนี้ควรที่จะสูงกว่านี้ และควรจัดว่าการขาดวิตามินดีควรมีระดับวิตามินดีในเลือดที่น้อยกว่า 30 ng/mL

อาการ

          การที่ร่างกายขาดวิตามินดีนั้นอาจจะทำให้เกิดโรคกระดูกอ่อนได้ โดยโรคนี้จะทำให้กระดูกของเราอ่อนและเกิดการงอได้ การขาดวิตามินดีในผู้ใหญ่ก็ยังสามารถทำให้เกิดอาการปวดกระดูกและกล้ามเนื้ออ่อนแรงได้

          การขาดวิตามินดีหรือแคลเซียมนั้นอาจจะเป็นสาเหตุของการเกิดโรคกระดูกพรุนได้ ซึ่งทำให้กระดูกเปราะบางจนอาจจะนำไปสู่กระดูกหักได้ง่ายขึ้น

          วิตามินดีอาจจะมีความเกี่ยวข้องกับปัญหาทางการแพทย์และโรคอื่น ๆ ซึ่งจำเป็นต้องมีการวิจัยเพิ่มเติมในส่วนนี้

ปริมาณที่แนะนำต่อวัน

          ปริมาณที่แนะนำในการบริโภควิตามินดีนั้นวัดได้ยาก เนื่องจากขึ้นอยู่กับตามแต่ละบุคคลและแสงแดดในสถานที่ที่อาศัยรวมไปถึงช่วงเวลาของปีและปัจจัยอื่น ๆ

          ด้วยเหตุนี้ ปริมาณวิตามินดีที่แนะนำต่อวันจึงกำหนดโดยสันนิษฐานว่าบุคคลได้รับแสงแดดน้อยที่สุด

          โดยปริมาณวิตามินดีที่แนะนำนั้นจะวัดอยู่ในหน่วย International Unit (IU) ซึ่งเป็นหน่วยวัดแบบสากล Food and Nutrition Board (FNB) ได้แนะนำปริมาณวิตามินดีที่ควรได้รับในแต่ละวันเพื่อรักษาระดับวิตามินดีในร่างกายในมีสุขภาพที่ดีดังตารางข้างล่าง

อายุปริมาณวิตามินดีที่แนะนำต่อวัน
0-12 เดือน400 IU
1-70 ปี600 IU
70 ปีขึ้นไป800 IU

                สำหรับผู้ใหญ่ที่มีระดับวิตามินดีต่ำกว่า 30 ng/mL Endocrine Society ได้แนะนำว่าให้คนเหล่านี้รับประทานวิตามินดีวันละ 1,500–2,000 IU เพื่อฟื้นฟูให้ระดับวิตามินดีอยู่ในระดับที่ดีต่อสุขภาพ นอกจากนี้สำหรับผู้ที่ขาดวิตามินดี ยังมีวิธีการรักษาแบบทางเลือก 50,000 IU ต่อทุก ๆ สัปดาห์หรือทุก ๆ เดือน แทนการรับประทานยาทุกวัน

อาหารที่เป็นแหล่งวิตามินดีที่ดี

          อาหารจากธรรมชาติที่มีวิตามินดี ได้แก่

  • ปลาแซลมอน
  • ปลาทูน่า
  • ชีส
  • ไข่แดง
  • ตับวัว

เด็กทารกที่ยังกินนมแม่รวมไปถึงเด็กเล็กนั้นมักจะต้องการวิตามินดีเสริม เนื่องจากน้ำนมแม่ได้ให้วิตามินดีที่จำเป็นแก่ทารกทั้งหมด ทารกและเด็กเล็กที่ได้รับโภชนาการที่ได้รับวิตามินดีครบตามความต้องการ ก็ไม่จำเป็นสำหรับการรับประทานอาหารเสริมเพิ่มเติม

          วิตามินดีที่สามารถพบได้ในอาหารเสริมมีอยู่สองแบบ

  • วิตามินดี 2 หรือเออร์โกแคลซิเฟอรอล
  • วิตามินดี 3 หรือโคเลแคลซิเฟอรอล

วิตามินดีทั้งสองรูปแบบนั้นมีความเหมือนกันและสามารถช่วยเพิ่มระดับวิตามินดีในร่างกายของเราได้อย่างมีประสิทธิภาพ อย่างไรก็ตามวิตามินดีที่มีปริมาณสูงขึ้น วิตามินดี 2 จะมีประสิทธิภาพน้อยกว่าวิตามินดี 3

เราสามารถบริโภควิตามินดีในปริมาณมากได้ไหม

          การได้รับวิตามินดีมากเกินไปอาจจะเป็นอันตรายต่อร่างกายได้ เพราะร่างกายไม่สามารถสร้างวิตามินดีจากแสงแดดมากเกินไปได้

          การรับประทานอาเสริมมักจะทำให้มีปริมาณวิตามินดีในร่างกายมากเกินไป อย่างไรก็ตามสิ่งเหล่านี้พบได้ยากมากและมักจะเกิดขึ้นกับคนที่รับประทานในปริมาณที่สูงมาก ๆ และเป็นเวลานาน เช่น หนึ่งปีขึ้นไป

          ปริมาณวิตามินดีสูงสุดที่เราสามารถรับได้ก่อนที่จะเกิดปัญหานั้นอยู่ที่ 4,000 IU ต่อวัน โดยอาการหากได้รับวิตามินดีมากเกินไปนั้น ได้แก่

  • อาเจียน
  • คลื่นไส้
  • เบื่ออาหาร
  • ท้องผูก
  • น้ำหนักตัวลดลง
  • รู้สึกอ่อนแอ
  • ไตได้รับความเสียหาย

การรับประทานวิตามินดีมากเกินไปอาจจะทำให้ระดับแคลเซียมในเลือดสูงขึ้นได้ ซึ่งอาจจะทำให้เกิดปัญหาทางด้านสุขภาพ เช่น เกิดอาการสับสนและมีปัญหาเกี่ยวกับหัวใจ

          คนที่ใช้ยาเฉพาะก็ไม่ควรรับประทานอาหารเสริมวิตามินดี เนื่องจากอาหารเสริมเหล่านี้สามารถทำปฏิกิริยากับยา ทำให้ยาส่งผลไม่เต็มที่ได้ เช่น คอร์ติโคสเตียรอยด์ ยาลดน้ำหนัก และยารักษาโรคลมชัก

เขียนโดย Akiraz

KAIO

อ้างอิงจาก laire Sissons (2018) Are you getting enough vitamin D?, Available at: https://www.medicalnewstoday.com/articles/322205 (Accessed: 30th November 2021).

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *