มาดูเคล็ดลับการดูแลผิวกันว่ามีอะไรบ้าง?
สวัสดีครับ ในร่างกายของเรานั้นผิวหนังเป็นอวัยวะที่ใหญ่ที่สุด ซึ่งเมื่อผิวหนังมีสุขภาพดีมันก็จะสามารถช่วยเราปกป้องร่างกายของเราได้ แต่เมื่อผิวหนังเกิดความยำแย่ลงการทำงานเป็นเกราะป้องกันให้กับร่างกายก็จะมีประสิทธิภาพลดลง
ผิวนั้นถือเป็นตัวแทนที่เปิดเผยเรื่องราวที่เราได้ประสบพบเจอมา ไม่ว่าจะเป็นการเกิดสิวในช่วงวัยรุ่นไปจนถึงจุดด่างดำที่เกิดจากวัย สุขภาพและอายุของเราจะสะท้อนออกมาทางผิว
ผิวหนังทำหน้าที่ควบคุมอุณหภูมิของร่างกาย รักษาความสมดุลน้ำในร่างกาย การทำหน้าที่เป็นเกราะป้องกันร่างกาย การเตือนอันตรายจากการรับรู้ความเจ็บปวด และป้องกันร่างกายของเราจากรังสีอัลตราไวโอเลต (UV) ที่มาจากดวงอาทิตย์
มีหลายปัจจัยซึ่งเป็นปัจจัยภายในที่ส่งผลต่อผิวของเราไม่ว่าจะเป็นพันธุกรรม ความแก่ชรา ฮอร์โมน และโรคต่าง ๆ เช่น โรคเบาหวาน
ส่วนปัจจัยภายนอก เช่น การโดนแสงแดดโดยไม่ป้องกัน การอาบน้ำบ่อยหรืออาบน้ำร้อนเกินไปก็สามารถทำร้ายผิวได้ การรับประทานอาหารที่ไม่ดีต่อสุขภาพ ความเครียด การอดนอน การออกกำลังกายที่ไม่เพียงพอ การขาดน้ำ การสูบบุหรี่ และการใช้ยาบางชนิดอาจจะส่งผลต่อการทำงานของผิวหนังได้
โดยในบทความนี้เราจะมาดูเคล็ดลับด้านสุขภาพผิวซึ่งช่วยในการลดริ้วรอย และทำให้ผิวเปล่งปลั่งสดใส รวมไปถึงทำให้ผิวอ่อนนุ่ม
Designed by Freepik
- รับประทานอาหารที่มีประโยชน์
มีอุตสาหกรรมที่มีมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์ที่มุ่งเน้นไปยังผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในการดูแลผิว โดยได้อ้างว่าผลิตภัณฑ์เหล่านี้สามารถต่อสู้กับการแก่ก่อนวัยได้ ถึงแม้ว่าจะมีมอยเจอร์ไซเซอร์ช่วยบำรุงผิว แต่สิ่งเหล่านี้ก็สามารถซึมเข้าไปในผิวได้ถึงชั้นในเท่านั้น แต่บางครั้งสัญญาณของการแก่ก่อนวัยอาจจะอยู่ในระดับเซลล์ที่ลึกกว่านั้น
สิ่งที่เรากินเข้าไปนั้นก็มีความสำคัญพอ ๆ กับผลิตภัณฑ์ที่ทาลงบนผิวของเรา อาหารสามารถช่วยในเรื่องของสุขภาพผิวของเราจากภายในสู่ภายนอกได้ ดังนั้นการมีผิวที่กระจ่างใสจึงเริ่มต้นจากการรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย
อาหารเพื่อสุขภาพผิว
มะม่วง มีสารประกอบที่มีคุณสมบัติในการต้านอนุมูลอิสระ เช่น คอลลาเจน สารประกอบเหล่านี้จะช่วยปกป้องส่วนต่าง ๆ ของผิวหนัง
มะเขือเทศ มีประโยชน์ในการป้องกันมะเร็งผิวหนัง จากการศึกษาหนึ่งในหนูได้พบว่าการบริโภคมะเขือเทศทุกวันสามารถช่วยลดการพัฒนาของเนื้องอกของมะเร็งผิวหนังลง 50%
จากการวิจัยได้พบว่าการใส่ซอสมะเขือเทศลงในอาหารอาจจะช่วยป้องกันผิวไหม้จากแดดได้ โดยหลังจาก 10 สัปดาห์ผู้ที่บริโภคมะเขือเทศ 40 กรัมต่อวันมีอาการผิวไหม้น้อยกว่ากลุ่มควบคุม 40%
ไลโคปีนเป็นสารที่ทำให้มะเขือเทศมีสีแดง โดยเชื่อกันว่าไลโคปีนมีบทบาทในการป้องกันมะเขือเทศจากการถูกทำลายโดยแสง UV
น้ำมันมะกอก นั้นสามารถช่วยลดความเสี่ยงจากความแก่จากแสงแดดอย่างรุนแรงได้ ซึ่งก็คือความเสียหายจากการได้รับแสงโดดเป็นเวลานาน โดยความเสียหายที่เกิดขึ้นบนผิวรวมไปถึงริ้วรอย จุดด่างดำ และผิวเปลี่ยนสี
โกโก้ฟลาโวนอยด์ นั้นพบได้ในดาร์กช็อกโกแลตซึ่งอาจจะช่วยเรื่องของโครงสร้างและการทำงานของผิวหนังได้ นักวิทยาศาสตร์ได้พบว่าโกโก้ฟลาโวนอยด์สามารถลดความหยาบกร้านของผิวรวมไปถึงสามารถปรับสภาพของผิวได้ และยังเพิ่มความชุ่มชื้นของผิว สนับสนุนการป้องกันผิวจากแสง UV
ชาเขียว ก็มีประโยชน์ต่อผิวมากมาย โดยสารประกอบที่พบได้ในชาเขียวเรียกว่าโพลีฟีนอลสามารถช่วยฟื้นฟูเซลล์ผิวหนังที่กำลังจะตายได้ นั่นหมายถึงสารเหล่านี้อาจจะมีประโยชน์ในการรักษาแผลหรือรักษาสภาวะผิวหนังบางชนิดได้
ชาเขียวได้แสดงให้เห็นถึงผลลัพธ์ที่มีศักยภาพในการรักษาโรคผิวหนังบางชนิด เช่น โรคสะเก็ดเงินและรังแคได้ ซึ่งสภาวะเหล่านี้มักจะแสดงอาการผิวแห้งเป็นขุยและแดงได้ ซึ่งเกิดมาจากการอักเสบของผิวและการผลิตเซลล์ผิวหนังมากเกินไป โดยชาเขียวอาจจะมาช่วยชะลอการผลิตเซลล์และระงับอาการอักเสบได้
ชาขาว มีคุณสมบัติในการต่อต้านมะเร็งและการแก่ก่อนวัย ในงานวิจัยชิ้นหนึ่งได้ระบุว่าในชาขาวมีส่วนผสมบางอย่างที่อาจจะช่วยป้องกันผิวจากภาวะเครียดออกซิเดชันและความเสียหายของเซลล์ภูมิคุ้มกันได้
ผักเคล ยังเป็นหนึ่งในแหล่งของลูทีนและซีแซนทีน โดยลูทีนและซีแซนทีนนั้นอาจจะช่วยป้องกันความเสียหายของผิวที่เกิดจากแสงได้โดยเฉพาะจากแสง UV
โอเมก้า 3 ที่สามารถพบได้ในปลาที่มีน้ำมัน วอลนัท และเมล็ดฟักทองรวมไปถึงน้ำมัน เช่น น้ำมันลินซีด และน้ำมันข้าวโพด อาจจะช่วยป้องกันความแห้งของผิวและผิวหนังเป็นขุยได้
ถั่วเหลือง อาจจะช่วยในเรื่องของรอยย่นของผิวหนังและตีนกาในสตรีที่อยู่ในวัยหมดประจำเดือนได้
การพึ่งพาอาหารเพื่อปกป้องตัวเราเองจากแสงแดดอาจจะไม่เพียงพอ ซึ่งเราสามารถใช้ครีมกันแดดที่มีค่า Sunburn Protection Factor (SPF) อย่างน้อย 15 หรือพยายามอยู่ในที่ร่วมในช่วงเวลา 10.00 น. ถึง 14.00 น. รวมไปถึงใส่เสื้อผ้าที่ปกปิดผิวหนังและสวมหมวกปีกกว้าง
การจำกัดแคลอรีโดยไม่ฝืนตัวเองจนขาดสารอาหาร
จากการวิจัยที่ทดลองในหนูทดลองได้แสดงให้เห็นว่าการลดปริมาณของแคลอรีสามารถช่วยชะลอความแก่ของเซลล์ได้ โดยการค้นพบนี้สามารถพิสูจน์ได้ว่าสามารถนำมาใช้ในการต่อต้านวัยในมนุษย์ได้ในอนาคต
นักวิทยาศาสตร์ยังพบว่าการลดปริมาณการบริโภคของแคลอรีลง 35% นั้นส่งผลกระทบต่อความแก่ของเซลล์ การลดแคลอรีทำให้เซลล์ที่ทำหน้าที่ผลิตโปรตีนที่เรียกว่าไรโบโซมทำงานช้าลง ซึ่งส่งผลให้ชะลอความชราภาพลงได้อีกด้วย
การทำงานช้าลงนั้นไม่ได้ส่งผลเฉพาะการผลิตไรโบโซม แต่ยังรวมไปถึงให้ไรโบโซมได้ซ่อมแซมตัวเองซึ่งช่วยให้ร่างกายทำงานได้ดีขึ้น
จากการวิจัยในช่วงต้น ๆ นั้นได้แสดงให้เห็นว่าอัลลานโทอินที่เป็นสารประกอบที่สามารถพบได้ในครีมชะลอวัยนั้นได้เลียนแบบการจำกัดแคลอรีโดยไม่ฝืนตัวเองจนขาดสารอาหาร และยังช่วยเพิ่มอายุขัยมากกว่าเดิม 20%
แต่งานวิจัยชิ้นนี้ไม่ได้เป็นที่รู้จักมากนัก แต่อย่างไรก็ตามมันอาจจะช่วยปูทางสำหรับการที่มนุษย์สามารถมีชีวิตได้นานกว่านี้ได้
แอลกอฮอล์
การลดการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อาจจะช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคมะเร็งผิวหนังชนิดไม่ใช่เมลาโนมาได้ จากการวิจัยได้พบว่าการดื่มแอลกอฮอล์มากเกินไปมีความเกี่ยวข้องกับการมีความเสี่ยงในการพัฒนาของเซลล์มะเร็งสูงขึ้นซึ่งเป็นต้นกำเนิดของโรคมะเร็งผิวหนังชนิดสะความัส
นักวิจัยยังได้ว่าการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์นั้นเพิ่มขึ้นทุก ๆ 10 กรัมต่อวันนั้นความเสี่ยงของการเกิดโรคมะเร็งผิวหนังเพิ่มขึ้น 7% และการเกิดความเสี่ยงของมะเร็งผิวหนังชนิดสะความัสเพิ่มขึ้น 11%
Designed by Freepik
- คอยตรวจสอบความเครียดอย่างสม่ำเสมอ
เราเคยสังเกตไหมว่าก่อนที่จะเกิดภาวะหรือโรคอะไรก็ตามสิวมักจะปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเรา โดยนักวิทยาศาสตร์ได้ระบุถึงความเกี่ยวข้องกับความเครียดและปัญหาของผิวหนัง
จากการศึกษาในนักศึกษาในระดับมหาวิทยาลัย คนที่มีความเครียดสูงมักจะมีปัญหาที่เกี่ยวข้องกับผิว เช่น
- อาการคันที่ผิวหนัง
- ผมร่วง
- หนังศีรษะเป็นขุย หนังศีรษะมัน หรือหนังศีรษะคล้ายขี้ผึ้ง
- เหงื่อออกเยอะ
- ผิวหนังเป็นสะเก็ด
- ผื่นขึ้นที่ผิวหนัง
จากการวิจัยอื่น ๆ ยังได้พบว่าวัยรุ่นที่มีระดับความเครียดสูงนั้นมีแนวโน้มจะมีเป็นสิวรุนแรงขึ้น 23%
นักวิจัยได้สงสัยว่าความเครียดจะเป็นการเพิ่มปริมาณของซีบัมซึ่งเป็นสารที่เป็นน้ำมันอุดตันในรูขุมขน โดยเราสามารถลองใช้วิธีลดเครียดต่าง ๆ ได้ เช่น ไทชิ โยคะ หรือการทำสมาธิ
Designed by Freepik
- รักษาความชุ่มชื้นในผิว
มอยเจอร์ไรเซอร์ที่อยู่บนผิวหนังชั้นบนสุดช่วยให้เซลล์ของผิวมีความชุ่มชื้นและสามารถรักษาความชุ่มชื้นได้ มอยเจอร์ไรเซอร์สารที่ช่วยดูดซับน้ำเพื่อดึงดูดความชุ่มชื้น และมอยส์เจอร์ไรเซอร์ที่ช่วยรักษาความชุ่มชื้นในผิวหนัง รวมไปถึงสารหล่อลื่นผิวเพื่อช่วยให้ผิวเรียบเนียนขึ้น
American Academy of Dermatology ได้แนะนำวิธีการรักษาความชุ่มชื้นและการป้องกันผิวแห้งและแดงรวมไปถึงคันไว้ดังนี้
- อาบน้ำหรือแช่น้ำวันละ 5-10 นาที การอาบหรือแช่น้ำมากเกินไปจะสามารถลดชั้นน้ำมันบนผิวหนังออกซึ่งทำให้ผิวแห้งได้
- อาบน้ำอุ่นแทนน้ำร้อน
- ลดการใช้สบู่ที่มีฤทธิ์ต่อผิวอย่างรุนแรง โดยเลือกใช้สบู่ที่อ่อนโยนต่อผิวและปราศจากน้ำหอมแทน
- ไม่ใช้แปรงหรือฟองน้ำในการอาบน้ำรวมไปถึงผ้าเช็ดตัวและหน้าที่อาจจะทำลายผิวหนังได้
- ใช้ผ้าขนหนูเช็ดผิวเบา ๆ ให้แห้ง
- ทาโลชันหรือครีมหลังจากที่อาบน้ำเสร็จ เพื่อกักเก็บความชุ่มชื้นของผิวหนังไว้
- ไม่เกาผิว ให้ใช้มอยส์เจอไรเซอร์หรือประคบเย็นเพื่อควบคุมอาการคัน
- สวมเสื้อผ้าที่ไม่ก่อความระคายเคืองให้กับผิว
- ใช้น้ำยาซักผ้าที่ไม่ก่อให้เกิดการระคายผิว
- หลีกเลี่ยงการเข้าใกล้แหล่งความร้อนเพราะอาจจะทำให้ผิวแห้งได้
หากทำตามที่กล่าวไว้ไม่สามารถช่วยบรรเทาอาการผิวแห้งได้ เราอาจจะต้องติดต่อแพทย์ผิวหนังเพื่อทำรักษาให้ตรงกับปัญหาที่เกิดขึ้นกับผิวของเรา
Designed by Freepik
- เลิกสูบบุหรี่
การสูบบุหรี่อาจจะทำให้หลอดเลือดบนผิวชั้นนอกตีบได้ ซึ่งจะเป็นการไปลดการไหลเวียนของเลือดและทำให้ผิวหนังขาดออกซิเจนและสารอาหารที่จำเป็น
คอลลาเจนและอีลาสตินสามารถทำให้ผิวแข็งแรงและทำให้ผิวมีความยืดหยุ่น ซึ่งการสูบบุหรี่จะไปลดความยืดหยุ่นของผิวที่มีอยู่ตามธรรมชาติโดยการสลายตัวของคอลลาเจนและทำให้การผลิตคอลลาเจนลดลง
นอกจากนี้ การแสดงสีหน้าในตอนสูบบุหรี่ซ้ำ ๆ อาจจะทำให้เกิดรอยย่นบนใบหน้าได้
Designed by Freepik
- การนอนหลับ
การนอนหลับอย่างสบายสามารถช่วยลดและขจัดความหมองคล้ำรอบดวงตาได้
National Sleep Foundation ได้แนะนำให้ผู้ใหญ่นอนหลับเป็นระยะเวลา 7-9 ชั่วโมงต่อวัน การนอนน้อยเกินไปอาจจะส่งผลเสียต่อสุขภาพโดยเฉพาะผิวได้
อย่างที่เรารู้กันดีการอดนอนนั้นมีส่วนเกี่ยวข้องกับโรคอ้วน ภูมิคุ้มกันบกพร่อง โรคเบาหวาน และมะเร็ง แต่จากการวิจัยพบว่าคุณภาพของการนอนหลับอาจจะส่งผลกระทบอย่างมีนัยยะสำคัญของการทำงานของผิวหนังและความแก่
คนที่อยู่ในประเภทที่เป็นคนนอนไม่ค่อยหลับมันจะมีสัญญาณริ้วรอยก่อนวัยเพิ่มขึ้น และความสามารถในการซ่อมแซมผิวในตอนกลางคืนลดลงอันเกิดมาจากความเครียดของสิ่งแวดล้อม เช่น การสัมผัสกับแสงแดด
เราควรพยายามตื่นเช้าและนอนให้ครบ 7 ชั่วโมงต่อวัน การรักษาผิวให้แข็งแรงนั้นเราไม่จำเป็นต้องเสียเงินซื้อครีมมาใช้โดยเสมอไป การเริ่มปรับเปลี่ยนวิถีชีวิตก็สามารถช่วยลดความหมองคล้ำของผิวได้
เขียนโดย Akiraz
อ้างอิงจาก Jasmin Collier (2017) Five life hacks for healthy skin, Available at: https://www.medicalnewstoday.com/articles/320071 (Accessed: 4th December 2021).