มาดูกันว่า Cloud Computing คืออะไร? มีประโยชน์อย่างไร? แบบเข้าใจง่าย ๆ
สวัสดีครับ ในบทความนี้ ผมจะมาอธิบายถึงเรื่อง Cloud Computing ผมเชื่อว่าใครหลาย ๆ คนน่าจะเคยได้ยินคำนี้กันมาบ้าง หรือบางท่านอาจจะเคยใช้งาน แต่ก็ไม่รู้ว่ามันคือ Cloud Computing ถ้าให้ผมยกตัวอย่างที่ใกล้ ๆ ตัวเราก็น่าจะเป็น พวกให้บริการพื้นที่ในการฝากไฟล์หรือข้อมูลต่าง ๆ เช่น iCloud, Google Drive, OneDrive แบบนี้ใครหลาย ๆ คนน่าจะร้องอ๋อขึ้นมาทันที ซึ่งในบทความนี้ เราจะมาพูดเรื่องของ Cloud Computing แต่ละประเภทกัน
Cloud Computing คืออะไร?
Cloud Computing คือการให้บริการทางด้านคอมพิวเตอร์ ซึ่งจะประกอบไปด้วย เซิร์ฟเวอร์ พื้นที่จัดเก็บข้อมูล ฐานข้อมูล เครือข่าย ซอฟต์แวร์ต่าง ๆ ที่สามารถใช้ผ่านทางอินเทอร์เน็ต โดยที่จะรองรับการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็ว มีทรัพยากรที่ยืดหยุ่น และประหยัด หมายความว่ายังไง หมายความว่า บริการที่มีให้เราจ่ายเฉพาะที่ใช้ ใช้เท่าไรก็จ่ายเท่านั้น
ซึ่งโดยปกติถ้าไม่ใช่ Cloud เวลาเราใช้บริการอะไรสักอย่าง ผู้ให้บริการจะคิดราคาแบบเหมา ๆ ไม่ว่าคุณจะใช้บริการในนั้นครบทุกฟังก์ชันที่มีให้หรือไม่ เขาก็ไม่ได้สน เช่น บริการ A เป็นบริการแบบปกติ ที่มีบริการย่อยให้ใช้ 10 อย่าง ราคาเดือนละ 1,000 บาท บริการ B เป็นบริการแบบ Cloud มีบริการย่อยให้ใช้ 10 อย่างเหมือนบริการ A แต่คุณใช้บริการย่อยเพียงแค่ 5 อย่างจากใน 10 อย่าง คิดแบบง่าย ๆ ถ้าคิดว่าบริการย่อยละ 100 บาทต่อเดือน คุณใช้ไป 5 บริการย่อย คุณก็จ่ายแค่เพียง 500 บาทต่อเดือน เมื่อเทียบบริการ A ที่คุณต้องใช้ 1,000 บาท ถึงแม้คุณจะใช้แค่ 5 บริการย่อยก็ตาม
ประโยชน์ของ Cloud Computing
ค่าใช้จ่าย เป็นที่แน่นอนอยู่แล้วว่า Cloud Computing จะช่วยลดค่าใช้จ่ายในเรื่องของค่าซอฟต์แวร์ และค่าฮาร์ดแวร์ที่เราไม่จำเป็นต้องซื้อหรือเช่าอีกต่อไป ซึ่งรวมไปถึงค่าใช้จ่ายในการติดตั้ง และการสร้าง Data Center ไว้สักที่หนึ่ง รวมไปถึงค่าเครื่องเซิร์ฟเวอร์ ค่าไฟที่ต้องจ่ายไฟให้เครื่องเซิร์ฟเวอร์ตลอด 24 ชั่วโมง ยังมีระบบทำความเย็น แถมยังต้องมีผู้เชี่ยวชาญทางด้านไอทีค่อยดูแลนู่นนี่นั่นอยู่ตลอด
ความเร็ว โดยปกติบริการด้าน Cloud Computing ส่วนใหญ่จะเป็นการให้บริการแบบบริการด้วยตนเอง และสามารถเลือกใช้งานได้ตามที่เราต้องการ เพียงแค่คลิกเมาส์ไม่กี่ครั้ง บริการที่เราต้องการใช้ก็พร้อมใช้งานหลังจากนั้นเพียงไม่กี่นาที ทำให้มีความยืดหยุ่นมาก ซึ่งเมื่อเป็นแบบนี้แล้วก็จะช่วยลดภาระในการวางแผนการทำงาน เพราะถ้าเกิดวางแผนผิดพลาด เราก็สามารถแก้ไขได้ง่าย ๆ เนื่องจาก Cloud Computing มีความเร็วให้พร้อมใช้งานสูง
ยืดหยุ่น Cloud Computing นั้นสามารถปรับขนาดของทรัพยากรที่เราต้องใช้ได้อย่างยืดหยุ่น เช่น พลังในการประมาณผล พื้นที่เก็บข้อมูล Bandwidth สามารถเพิ่มหรือลดได้ในทันที ตามที่เราต้องการ เพื่อให้สอดคล้องกับการใช้งาน
ความสามารถในการผลิต โดยปกติถ้าเป็น Data Center จะมีต้องมีการตั้งค่าและการวางเครื่องเซิร์ฟเวอร์เป็นจำนวนมาก เช่น การตั้งค่าฮาร์ดแวร์ การอัปเดตซอฟต์แวร์ และงานอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง ซึ่งสิ้นเปลืองเวลาเป็นอย่างมาก ถ้าเป็น Cloud Computing จะช่วยลดภาระต่าง ๆ เหล่านี้ลง ทำให้มีเวลาในการทำงานที่สำคัญมากขึ้น
ประสิทธิภาพ เมื่อพูดถึงประสิทธิภาพของ Cloud Computing แล้ว ต้องบอกว่ามีประสิทธิภาพสูง เพราะ Cloud Computing ทำงานอยู่บนเครือข่ายที่กระจายอยู่ทั่วโลกที่มีความปลอดภัยสูง ซึ่งจะได้รับการอัปเกรดฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์รุ่นใหม่ล่าสุดอยู่เสมอ ทำให้มีการประมวลผลที่รวดเร็ว และมีประสิทธิภาพมากที่สุด
ความน่าเชื่อถือ Cloud Computing ได้มีการสำรองข้อมูล และการกู้คืนข้อมูลเมื่อเกิดภัยพิบัติ ทำให้สามารถทำงานต่าง ๆ ได้อย่างต่อเนื่องไม่มีสะดุด เพราะข้อมูลต่าง ๆ จะถูกสำรองหรือเรียกได้ว่าถูกโคลน ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะถูกกระจายเก็บไว้ในสถานที่หลายแห่งบนเครือข่ายของผู้ให้บริการ Cloud Computing
ความปลอดภัย ผู้ให้บริการ Cloud Computing หลาย ๆ เจ้า ได้มีการเสนอนโยบาย เทคโนโลยี และการดูต่าง ๆ ที่ช่วยเพิ่มมาตรการความปลอดภัยโดยรวมทั้งหมด ซึ่งช่วยในเรื่องของการปกป้องข้อมูล แอปพลิเคชัน และโครงสร้างพื้นฐานต่าง ๆ จากภัยคุกคามที่อาจจะเกิดขึ้น ทำให้มั่นใจได้ว่าข้อมูลของผู้ใช้นั้นได้รับการปกป้องและดูแลอย่างดีที่สุด
เขียนโดย Akiraz
อ้างอิงจาก IBM Cloud Education (2018) Benefits of Cloud Computing, Available at: https://www.ibm.com/cloud/learn/benefits-of-cloud-computing (Accessed: 22th August 2021).