ธุรกิจยุคใหม่ ต้องมี ABCDEF


การทำธุรกิจในยุคดิจิทัล มีเทคโนโลยียุคใหม่ที่สำคัญที่ต้องเรียนรู้และนำมาใช้ ก็คือ ABCDEF ซึ่งได้แก่ A-AI หรือเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ B-Blockchain หรือระบบกระจายฐานข้อมูล C-Cloud หรือระบบคลาวด์ D-Data หรือข้อมูล E – E-Business หรือธุรกิจดิจิทัล และ F-PlatForm หรือแพลตฟอร์ม

ทำไมธุรกิจต้องใช้เทคโนโลยี ABCDEF
น.ส.พิมพ์ชนก วอนขอพร ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) กล่าวว่า การทำธุรกิจในยุคปัจจุบันนี้เทคโนโลยีได้เข้ามามีบทบาทในการทำธุรกิจเป็นอย่างมาก โดย สนค.ได้ทำการศึกษาแนวโน้มการนำเทคโนโลยีมาใช้ในการทำธุรกิจ ในยุคเศรษฐกิจใหม่ พบว่าเทคโนโลยี ABCDEF มีความจำเป็นที่ธุรกิจจะต้องมี หรือต้องเรียนรู้ และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน

A – Artificial Intelligence ปัญญาประดิษฐ์ ใช้ลดต้นทุนทำธุรกิจ
AI หรือปัญญาประดิษฐ์ ซึ่งเป็นโปรแกรมที่เขียนขึ้นเพื่อให้คอมพิวเตอร์สามารถทำความเข้าใจ เรียนรู้ วิเคราะห์ และประมวลผลต่างๆ อย่างอัตโนมัติ เช่น Chatbot ในการตอบคำถามลูกค้า ทำให้ลดความผิดพลาดและ AI มาช่วยเก็บและวิเคราะห์ข้อมูลต่าง ๆ ของลูกค้าได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำ โดยผู้เชี่ยวชาญได้อธิบายว่า AI มีรูปแบบการทำงาน 5 ลักษณะ ได้แก่

  1. การวิเคราะห์และอธิบายเบื้องต้น (Describe)
  2. การพยากรณ์ (Predict)
  3. การทำงานอัตโนมัติ (Automate)
  4. การจัดประเภท (Classify)
  5. การให้คำแนะนำ (Prescribe)

B – Blockchain ช่วยรู้ที่มาที่ไป
Blockchain เป็นระบบการกระจายฐานข้อมูล (Distributed Ledgers) ที่ช่วยสร้างความเชื่อมั่นและป้องกันการปลอมแปลงข้อมูล รวมทั้งการมีสัญญาอัจฉริยะ (Smart Contracts) ช่วยให้ดำเนินการตามสัญญาอย่างอัตโนมัติ ซึ่งจะช่วยลดปัญหาการหลอกลวง ป้องกันหรือแก้ไขปัญหาข้อพิพาทระหว่างกันได้มากขึ้น เพิ่มความรวดเร็วในการดำเนินการ โดยข้อมูลที่จัดเก็บแบบกระจายทำให้ยากต่อการเปลี่ยนแปลงหรือบิดเบือนข้อมูล สามารถตรวจสอบที่มาหรือติดตามข้อมูลการทำธุรกรรมได้ตลอดตั้งแต่ต้นทางจนถึงปลายทาง

น.ส.พิมพ์ชนกบอกว่า ผลการทดลองใช้ ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากทุกภาคส่วน ทั้งตัวเกษตรกร ผู้ประกอบการ ผู้ส่งออกข้าวอินทรีย์ และผู้ตรวจรับรองมาตรฐานอินทรีย์ ที่เห็นตรงกันว่าการนำบล็อกเชนมาใช้ทำให้ไทยเป็นผู้นำการเปลี่ยนแปลงรายแรกๆ ของโลกที่นำเทคโนโลยีบล็อกเชนมาใช้ในการตรวจสอบย้อนกลับ และยังช่วยเพิ่มความสามารถในการแข่งขันให้กับข้าวอินทรีย์ของไทยเหนือคู่แข่ง ส่วนผู้ซื้อ ผู้บริโภคก็มีความมั่นใจ และรู้ว่าสินค้าที่ตัวเองซื้อมีที่มาที่ไปอย่างไร ใครปลูก ใครผลิต ใครรับรอง ซึ่งนี่คือหนึ่งในตัวอย่างที่มีการนำเทคโนโลยีบล็อกเชนมาใช้

C – Cloud ระบบที่ธุรกิจต้องมี
ระบบคลาวด์ หรือการให้การบริการด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ สามารถใช้งาน Cloud ผ่านอินเทอร์เน็ต ทั้งด้านระบบเครือข่าย ด้านการจัดเก็บข้อมูล ด้านการติดตั้งฐานข้อมูล หรือการใช้งานซอฟต์แวร์เฉพาะด้านในธุรกิจต่างๆ เป็นต้น โดยที่ผู้ใช้บริการไม่จำเป็นต้องติดตั้งระบบทั้งฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ไว้ที่สำนักงานของตน สามารถปรับเปลี่ยนการใช้งานตามความเหมาะสมได้อย่างรวดเร็ว และประหยัดค่าใช้จ่าย เช่น Cloud ในการเก็บรักษาและสำรองข้อมูล (Backup) ซึ่งสามารถกำหนดการเก็บข้อมูลแบบ Long-term Retention Period ได้สะดวก และมีค่าใช้จ่ายต่ำกว่าการใช้งานแบบดั้งเดิมบน Server ของหน่วยงาน และการพัฒนา Application ในปัจจุบันมักใช้ Cloud เนื่องจากมีเครื่องมือในการพัฒนาครบถ้วน

D – Data นำข้อมูลมาวิเคราะห์ใช้ประโยชน์
ข้อมูล คือ ข้อมูลที่ยังไม่ผ่านการประมวลผล ซึ่งอาจอยู่ในรูปของตัวเลข ตัวหนังสือ รูปภาพ เสียง ภาพเคลื่อนไหว โดยผู้เชี่ยวชาญด้านวิทยาศาสตร์ข้อมูล (Data Scientist) สามารถต่อยอดประมวลผลด้วยการใช้แนวคิด Data Science คือ การรวมศาสตร์ต่างๆ มาวิเคราะห์ข้อมูล หรือใช้เทคโนโลยี AI ช่วยวิเคราะห์และประมวลผล ทำให้ข้อมูลเกิดประโยชน์ขึ้น

E – E-Business ยุคนี้ต้องออนไลน์
ปัจจุบันโลกได้เข้าสู่การทำธุรกิจยุคดิจิทัล หรือการดำเนินธุรกิจด้วยเทคโนโลยีดิจิทัลและอินเทอร์เน็ต เช่น การค้าออนไลน์ (E-Commerce) ธุรกิจบริการออนไลน์ (E-Service) ธุรกิจดิจิทัลคอนเทนต์ (Digital Content) ซึ่งกำลังเข้ามามีบทบาทสำคัญในการทำธุรกิจเป็นอย่างมาก หลาย ๆ ธุรกิจได้ปรับตัวเข้าสู่ยุคดิจิทัล มีการปรับรูปแบบการทำธุรกิจจากแบบออฟไลน์เป็นออนไลน์ หรือการทำธุรกิจแบบผสมผสาน ทั้งออฟไลน์และออนไลน์

F – platform อีกสิ่งที่ธุรกิจต้องมี
ปัจจุบันมีการพัฒนารูปแบบธุรกิจที่ใช้ Digital Platform ในการดำเนินธุรกิจเกิดขึ้น เพื่อรองรับ E-Business รูปแบบต่างๆ มากมาย โดยสามารถแบ่งประเภทของ Platform ออกเป็น 4 ประเภท ได้แก่

  1. Innovation Platform ที่เปิดโอกาสให้บริษัทหรือบุคคลอื่นได้พัฒนาสินค้าหรือบริการใหม่ๆ แล้วนำมาวางไว้ใน Platform ของตนเอง ทำให้เกิดเป็นนวัตกรรมใหม่ๆ ที่ต่อยอดกันไปเรื่อยๆ เช่น Apple iOS หรือ Google Android
  2. Transaction Platform เป็นลักษณะคล้ายๆ ตลาด ที่เปิดโอกาสให้ผู้ซื้อและผู้ขายมาเจอกันและเกิดการซื้อขายสินค้าหรือบริการขึ้น Platform ในลักษณะนี้เป็นตัวกระตุ้นที่นำไปสู่ Sharing Economy ในหลายๆ อุตสาหกรรม เช่น Uber, Grab, Airbnb เป็นเสมือนตลาดกลางที่ช่วยให้ผู้ซื้อหรือผู้ขายได้มีโอกาสเจอและจับคู่กันมากขึ้น
  3. Integration Platform เป็นพวกบริษัทใหญ่ๆ ที่มีทั้งแบบ Innovation และ Transaction platform รวมกัน เช่น Apple กับ Google เน้นนวัตกรรม แต่ขณะเดียวกันก็เป็นตลาดกลางให้ผู้ซื้อผู้ขายมาเจอกัน
  4. Investment platform เป็นพวกบริษัทหรือนักลงทุนที่เน้นการเข้าไปลงทุนในบริษัทที่ใช้ Platform หลายๆ บริษัท เช่น Priceline Group ที่เน้นเรื่องการท่องเที่ยวและเดินทางก็เข้าไปลงทุนทั้งใน Priceline , Kayak , Open Table เป็นต้น

สรุปได้ว่า ABCDEF คือสิ่งที่ธุรกิจยุคใหม่จะต้องเรียนรู้ และปรับตัวให้ทันการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยียุคดิจิทัล เพราะหากปรับตัวได้ก็จะทำให้มีโอกาสเติบโต และอยู่รอดในยุคที่การแข่งขันรุนแรง เพราะหากช้า หรือปรับตัวไม่ทัน โอกาสที่จะถูกกลืนกิน หรือล้มหายตายจากก็มีอยู่สูง

อ้างอิงบทความจาก ผู้จัดการออนไลน์ (2020) เคล็ดลับทำธุรกิจยุคใหม่ ต้องมี ABCDEF, Available at: https://mgronline.com/business/detail/9630000103951 (Accessed: 29 December 2020).

สรุปบทความโดย ภูมิ

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *